งานสำรวจฯ 'วงรอบ 2D' ตอนที่ 1...อดีต สอนปัจจุบัน
บทความอ้างอิง:

นานนับ 10 ปี จนถึงปัจจุบันกับงานตรวจสอบ
และวิเคราะห์ดังกล่าว ผู้เขียนได้ผ่านพบเห็นอะไร ต่อมิอะไรมากมาย
ทั้งงานสำรวจฯที่ถูกต้อง งานสำรวจที่ผิดพลาดคลาดเคลื่อนขนาดใหญ่ หรือแม้แต่การ
'Make' ข้อมูลสำรวจฯ (แบบ 'ไม่เนียน' เอาเสียเลย) ก็ยังถูกส่งมาให้ตรวจสอบ
(*_* '' )
จากประสบการณ์ที่ยาวนานพอสมควร
ในงานตรวจสอบวิเคราะห์ข้อมูลงานสำรวจข้างต้นฯ ผู้เขียนพบว่า 'งานสำรวจวงรอบ'
เป็นงานที่ถูกตรวจพบว่า 'คลาดเคลื่อน' และมีปัญหา มากที่สุด...และนั่น
คือที่มาของบทความในชุด 'มหากาพย์ งานสำรวจฯวงรอบ' ชุดนี้ครับ
งานสำรวจ 'วงรอบ 2D' ตอนที่ 1...อดีต
สอนปัจจุบัน
หมายเหตุ: บทความงานสำรวจฯวงรอบ ทางด้านล่าง ถูกเขียนขึ้นตามความรู้
ความเข้าใจส่วนตัว (แบบใต้ดิน) ซึ่งได้สรุปเนื้อหาให้มีความกระทัดรัด โดยบทความนี้
'มุ่งเน้น' อธิบายแนวคิดพื้นฐาน หลักและวิธีการในการดำเนินการสำรวจวงรอบจากยุคอดีต
จนถึงปัจจุบัน...ซึ่งผู้เขียนต้องขออนุญาติ 'ข้ามผ่าน' หรือ 'ละไว้ในฐานที่เข้าใจ'
การลงลึกในรายละเอียดการคำนวณ และการใช้งานสูตรฯต่างๆ อันเป็นความรู้ขั้นพื้นฐานที่ถูกบรรจุเป็นหลักสูตรเอาไว้แล้วในวิชาการสำรวจรังวัด
ที่นักเรียน-นักศึกษา สายงานสำรวจฯ ต้องศึกษาเรียนรู้
และเข้าใจในหลักการฯเป็นอย่างดี ก่อนที่จะออกไปประกอบอาชีพเป็นช่างสำรวจฯ
หรือสาขาที่เกี่ยวข้อง ต่อไป
Theodolite Wild T16
(ทางซ้าย) และ Wild T2
(ตัว Wild T2 สุดยอดความละเอียดทางมุม 0.5"...กล้องโททอลฯ
ยังชิดซ้าย)
กล้องสำรวจธีโอโดไลท์ในซีรี่ดังกล่าว
ยังถูกแบ่งไปตามประเภทการอ่านค่ามุมออกเป็น 2 ชนิด คือ
1. กล้องฯประเภทอ่านค่ามุมทบ (Repeating
Theodolite): คือการอ่านค่าจานองศาราบ
โดยตั้งค่าจานองศาเท่ากับ 0° 0' 00'' เมื่อส่องด้วยกล้องหน้าซ้ายไปที่เป้าหลัง
จากนั้นทำการส่องไปที่เป้าหน้า อ่านค่ามุมที่จานองศา (เรียกว่าทบที่
1)
ทำการล๊อคจานองศา แล้วหมุนกล้องฯ (ตามเข็มนาฬิกา)
ไปยังเป้าหลัง แล้วปลดล๊อคจานองศาราบ เมื่อส่องไปยังเป้าหน้า
อ่านค่ามุมที่จานองศาราบ (เรียกว่าทบที่ 2) ซึ่งจะต้องเป็น 2 เท่า
ของค่ามุมที่อ่านได้จากทบที่ 1 ทำการอ่านมุมทบซ้ำอย่างน้อย 4
ทบ...ดังตัวอย่าง;
(ทบที่ 1) อ่านค่ามุมได้ 23° 19'
(ทบที่ 2) อ่านค่ามุมได้ 46° 40'
(ทบที่ 3) อ่านค่ามุมได้ 69° 59'
(ทบที่ 4) อ่านค่ามุมได้ 93° 23'
(ทบที่ 5) อ่านค่ามุมได้ 116° 44'
(ทบที่ 6) อ่านค่ามุมได้ 140° 02'
ค่าเฉลี่ยของมุม ทั้ง 6 ทบ คือ 23° 20'
1. กล้องฯประเภทอ่านค่ามุมจากทั้ง 2 หน้า (Direction
Theodolite): คือการอ่านค่ามุมจานองศาราบ
จากกล้องทั้งหน้าซ้าย และหน้าขวา โดยการเริ่มต้นที่กล้องหน้าซ้าย ส่องไปยังเป้าหลัง
ล๊อคจานองศาให้อยู่ในตำแหน่งค่ามุมองศาหลัก อาทิ 0° 0'
00" จากนั้นส่องไปยังเป้าหน้า อ่านค่ามุม
เปลี่ยนเป็นกล้องหน้าขวา ส่องไปที่เป้าหน้า
และหมุนกล้องส่องไปยังเป้าหลัง อ่านค่ามุม เสร็จจากขั้นตอนนี้เรียกว่า
"การอ่านค่ามุม 1 ชุด" (ให้ทำการวัดค่ามุมซ้ำอีก อย่างน้อย 2 ชุด (ชั้นที่ 3)
โดยการเปลี่ยน/ล๊อคจานองศาราบ ในการอ่านด้วยกล้องหน้าซ้ายขั้นตอนแรก เป็น 45° 90°
135° ตามลำดับ)...ดังตัวอย่าง; การวัดค่ามุมชุดที่ 1 เริ่มจากตั้งค่าจานองศาเป็น 0°
0' 00"
- กล้องหน้าซ้าย อ่านไปยังเป้าหลัง (A)
ตั้งค่าจานองศาราบเป็น 0°
- หมุนกล้อง (ตามเข็มนาฬิกา) ส่องไปยังเป้าหน้า (B)
อ่านค่ามุมได้ 139° 58' 11"
(ค่ามุมที่อ่านได้จากกล้องหน้าซ้ายคือ 139° 58'
11")
- เปลี่ยนกล้องเป็นหน้าขวา ส่องไปยังเป้าหน้า (B)
อ่านค่ามุมได้ 319° 58' 11"
- หมุนกล้อง (ทวนเข็มนาฬิกา) ส่องไปยังเป้าหน้า (B)
อ่านค่ามุมได้ 179° 59' 57"
(ค่ามุมที่อ่านได้จากกล้องหน้าซ้ายคือ 139° 58'
14")
ดังนั้น ค่ามุมเฉลี่ยจากการวัดค่ามุมชุดที่ 1 เท่ากับ
139° 58' 12"
* ในยุค Wild T-Series เฟื่องฟูดังกล่าว
ถึงแม้จะมีกล้องสำรวจธีโอโดไลท์ ที่มีความละเอียดทางมุมอยู่ในเกณฑ์ที่ดีเยี่ยม
แต่ก็ยังติดปัญหาอยู่ที่ 'การวัดระยะทาง' ซึ่งต้องกระทำโดยการลากเทปเหล็ก เทปผ้า
ฯลฯ เท่านั้น และนั่นคือความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้น
เมื่อนำระยะทางที่วัดได้ไปคำนวณร่วมกับค่ามุมที่อ่านได้จากกล้องสำรวจฯ (ระยะทางยิ่ง
'มาก' ความคลาดเคลื่อนจากการวัดฯ ก็จะเพิ่มขึ้นเป็นเงาตามตัว)
>>
หลักการพื้นฐานในการรังวัดค่ามุม หรือการหาความสัมพันธ์เชิงมุมระหว่างแขนของมุมทั้ง
2 ด้าน ข้างต้น เป็นหลักทฤษฎีที่ถูกคิดค้นมาตั้งแต่ยุคกรีกโบราณ
และหลักทฤษฎีการคำนวณดังกล่าวยังคงถูกใช้ต่อเนื่องมาจนถึง 'ปัจจุบัน'
ผ่านการเวลาหลายร้อยปี...ถึงแม้ว่าเครื่องมือสำรวจฯได้ถูกพัฒนาไปตามยุค ตามสมัย
มีความถูกต้อง แม่นยำมากขึ้น...แต่สิ่งที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง
และยังคงดำรงอยู่่เช่นนั้นนับจากอดีต จนถึงปัจจุบัน...นั่นคือ "สูตรฯทางเรขาคณิต"
สูตรฯเมื่อยุคร้อยปีก่อนเป็นเช่นไร...วันนี้
ก็ยังคงเป็นเช่นนั้น...หาได้เปลี่ยนไปไม่

งานสำรวจวงรอบ ปฐมบท
เส้น Base line AB
เส้นหนึ่งที่ทราบค่าภาคของทิศ+ระยะทาง และเมื่อทราบค่ามุมระหว่างเส้น AB ไป AC
จะทำให้สามารถคำนวณหาค่ามุม ระยะทาง ภาคของทิศของด้านที่เหลือได้
ตามกฏของเรขาคณิต
เมื่อพื้นที่สำรวจมีขนาดใหญ่
เกินกว่าที่หมุดควบคุมทางราบที่มีอยู่เพียง 2 หมุด (AB)
จะทำการสำรวจรังวัดไปได้ทั่วถึง...จึงจำเป็นที่จะต้องสร้าง
หรือขยายหมุดควบคุมทางราบเพิ่มเติม
เพื่อให้ครอบคลุมพื้นที่สำรวจทั้งหมด
การขยายหมุดควบคุมทางราบ
ต้องอาศัยหลักการคำนวณทางเรขาคณิตช่วยในการตรวจสอบความถูกต้องของค่ามุม
เมื่อทำการรังวัดค่ามุมแบบต่อเนื่องกันไป และเส้นรังวัดเข้าบรรจบตัวเอง (Loop
Misclosure) หรือบรรจบกับหมุดควบคุมฯที่ทราบค่า (Known Azimuth)
ความคลาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นจะถูกนำไปเปรียบเทียบกับงานวงรอบ
'ในอุดมคติ' นั่นคือ การรังวัดค่ามุมบรรจบ มีค่า Error = 0.000
ซึ่งไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในความเป็นจริง ฉะนั้น 'ค่าความคลาดเคลื่อนต่าง'
ที่เกิดขึ้น จะถูกนำมาปรับแก้ด้วยกฏการคำนวณงานวงรอบ
ซึ่งหลังจากการคำนวณปรับแก้แล้ว ค่าความถูกต้องที่เกิดขึ้น
สามารถนำไปเปรียบเทียบในระบบงานมาตรฐานการสำรวจวงรอบ
ว่าอยู่ในเกณฑ์ความถูกต้องในลำดับใด
หรือต้องทำการสำรวจฯวงรอบซ้ำอีกครั้ง
* การคำนวณงานวงรอบ เมื่อต้องอ้างอิงเข้ากับระบบพิกัดฉาก
(Rectangle Polar) ในแนวระนาบคาร์ทีเชียน (Plane Grid)
คือการยึดโยงค่าพิกัดจากหมุดควบคุม (หมุดแรกออก) ที่ทราบค่า
แล้วทำการคำนวณถ่ายทอดค่าพิกัดไปยังหมุดควบคุมถัดไป โดยอาศัยค่ามุม
และระยะทาง
ตัวอย่าง การตรวจสอบผลรวม 'มุมภายใน' ของวงรอบ
กฏการคำนวณงานวงรอบ
>> ผู้เขียน ในยุคสมัยที่ยังเป็นลูกศิษย์ขั้นฝึกหัด
ครูฝึกท่านถ่ายทอดวิทยายุทธการคำนวณปรับแก้งานวงรอบ (แบบเขียนตารางปรับแก้ฯ) ให้ 2
วิธี ได้แก่วิธี Compass Rule และ Transit Rule พร้อมบอกถึงการใช้เคล็ดวิชาว่า
ถ้าต้องการคำนวณปรับแก้โดยเน้นการกระจายความคลาดเคลื่อนทางมุม และระยะทาง (ทั้ง 2
อย่าง) ไปทั่วทุกหมุดฯ ในวงรอบ...จงใช้การปรับแก้งานวงรอบด้วยวิธี Compass
Rule
และถ้ามุ่งเน้น
ให้ความสำคัญในการปรับแก้ความคลาดเคลื่อนทางมุม 'มากกว่า'
การปรับแก้ระยะทาง...จงใช้การปรับแก้งานวงรอบด้วยวิธี Transit Rule
เมื่อลูกศิษย์ก้าวออกมาสู่ยุทธภพ...โอวว
ยุทธจักรอันกว้างใหญ่นี้ ยังมีสุดยอดเคล็ดวิชาการปรับแก้งานคำนวณวงรอบขั้นล้ำลึก
ซับซ้อน ที่อาจารย์ท่านไม่ได้สอนสั่ง
- Crandall Rule
- Least Squares
- Bowditch rule
* ผู้เขียนนิยมคำนวณวงรอบด้วยวิธี Compass
Rule
หลักเกณฑ์การตรวจสอบความถูกต้องของ งานวงรอบ
(เข้าบรรจบ)
ค่าอะซิมัท ที่หมุดฯ | +/- 1.5" | +/- 3.0" | +/- 5.0" |
อะซิมัทที่อ่านได้ กับที่คำนวณได้ | +/- 1.0" | +/- 3.0" | +/- 5.0" |
มาตรฐานค่าความคลาดเคลื่อนของระยะบรรจบ (Misclosure) หลังจากการปรับแก้ค่าอะซิมัทแล้ว
- งานชั้นที่ 1 0.04√K หรือ 1:100,000
- งานชันที่ 2
Class 2 0.20√K หรือ 1:20,000
- งานชันที่ 3
Class 2 0.80√K หรือ 1:5,000
>> จากที่ได้ลำดับความ วิธีการสำรวจฯ
และการคำนวณปรับแก้งานวงรอบข้างต้น...ผู้เขียนต้องการที่จะ ชี้ให้เห็นถึงความสำคัญของการ 'ขยาย'
หมุดควบคุมทางราบต่อเนื่องออกไป
ซึ่งจะต้องอาศัยการสำรวจรังวัด และการคำนวณที่ถูกต้อง
เพื่อให้ได้มาซึ่งค่าประจำหมุดฯที่มีความคลาดเคลื่อนน้อยที่สุด
และอยู่ในเกณฑ์ความถูกต้อง...อีกทั้งยังสามารถทำการตรวจสอบอ้างอิงกับหมุดควบคุมฯ
อื่นๆได้
และถึงแม้ว่าในยุคสมัยข้างต้น ที่ผู้เขียนขอเรียกว่าเป็นยุค
'Manual' ที่ต้องทำการส่องเล็งอ่านด้วยสายตาตนเอง การจดบันทึกด้วยมือ
การเดินเท้าลากสายเทปวัดระยะทาง ฯลฯ...ถึงกระนั้น งานสำรวจวงรอบ
ที่เกิดจากระบบ 'Manual' ดังกล่าว ก็ยังสามารถจัดเข้าลำดับมาตรฐานงานสำรวจฯวงรอบได้
* ผู้เขียน เป็นพวกกลุ่มอนุรักษ์นิยม ที่แม้ว่าจะมีกล้องฯ
Total station เอาไว้ใช้งานแทนกล้องฯ
Theodolite...แต่...คราวใดที่ต้องการขยายหมุดควบคุมฯออกไป
และเข้าบรรจบหมุดฯเป็นวงรอบ ผู้เขียนจะนำเอากล้องฯโททอล สเตชั่น มาอ่านค่ามุม
'เป็นชุดๆ' และคำนวณปรับแก้วงรอบ ตามหลักการข้างต้นเสมอ
(ค่ามุมอะซิมัทของเส้นรังวัดจะ 'นิ่ง'
มากกว่าการขยายหมุดควบคุมฯด้วยการรังวัดดาวเทียมด้วย GPS)
* ในบางไซต์งานที่ต้องการความละเอียดสูงทางมุม
ผู้เขียนมักจะนำกล้องธีโอโดไลท์ Wild T2 ซึ่งมีความละเอียดทางมุม 0.5" ไปอ่านค่ามุม แทนการใช้กล้องโททอล สเตชั่น มีความละเอียดทางมุม 5.0"


* สำหรับท่าน ที่ยังคงใช้งานกล้อง 'ธีโอโดไลท์'
ทั้งที่เป็นแบบ Manual รุ่นเก่า อาทิ ตระกูล Wild T-Series ข้างต้น
หรือจะเป็นรุ่นดิจิตอลในยุคปัจจุบัน...ผู้เขียน 'ขอคารวะ' ท่านด้วยใจครับ
เพราะ...การที่จะใช้กล้องฯในกลุ่มนี้ได้อย่างถูกต้องสมบูรณ์...ท่านจะต้องเข้าใจหลักและวิธีการ
รวมถึงมีพื้นฐานความรู้ 'การคำนวณ' เป็นอย่างดี ซึ่งนับวันท่านเหล่านี้
จะหาได้น้อยลงในบ้านเรา...
ซึ่งต่างจากผู้ใช้งานกล้องโททอล สเตชั่นในยุคนี้ ที่ชนบางกลุ่ม
'กดปุ่ม' เป็นอย่างเดียว หรือมีศัพท์สแลงของฝรั่งที่เรียกคนกลุ่มนี้ว่า "Button
Man"
นิยาม: Button
Man หมายถึง ช่างสำรวจรังวัดที่เก่งเรื่องงานสำรวจฯ ในหน้างานสนาม
สามารถใช้เครื่องไม้ เครื่องมือสำรวจได้คล่องแคล่ว ดูแล้วมีความชำนาญในวิชาชีพ
เป็นอย่างดี...แต่...เมื่อให้อธิบาย หรือบอกเล่าถึงวิธีการ หลักการ
ที่ไป-ที่มาของงานสำรวจฯที่ตนเองกำลังดำเนินอยู่...ปรากฏว่า 'ดับสนิท'
ไม่รู้เรื่องอะไรเลย อธิบายอะไรไม่ได้ ซึ่งคำศัพท์ดังกล่าว
แปลเป็นภาษาของชาวสารขันธ์ได้ประมาณว่า 'คนที่ กดปุ่มเป็นอย่างเดียว'
ยุคนี้ ที่ดีกว่าเดิม?
>> ในยุคปัจจุบัน
ที่มีความเจริญก้าวหน้าทางด้านเทคโนโลยีงานสำรวจฯสมัยใหม่ ที่มีทั้ง
Laser, Infrared, GPRS, GPS, WiFi, Bluetooth ฯลฯ
ถูกติดตั้งในอุปกรณ์สำรวจฯมาให้พร้อมสรรพ ซึ่งทำให้เครื่องมือสำรวจฯมีความถูกต้อง
แม่นยำสูง และยังสามารถทำงานได้ในระบบอัติโนมัติในการส่องเล็ง
ตลอดจนบันทึกข้อมูลสำรวจ ให้เสร็จสรรพ
จากกล้องฯ Theodolite + เทปวัดระยะทาง เปลี่ยนมาเป็นกล้องฯ
Total station ที่สามารถรังวัดค่ามุม และระยะทางได้ในคราวเดียว
อีกทั้งการวัดระยะทางด้วย EDM ในกล้องโททอล สเตชั่น จะให้ผลลัพธิ์ที่ 'ดีกว่ามาก'
เมื่อเปรียบเทียบกับการวัดระยะทางด้วยการลากเทปวัดระยะ...แต่...ท่านทราบหรือไม่ว่า
เมื่อต้องทำการสำรวจรังวัดวงรอบ...หลักและวิธีการเมื่อร้อยปีที่แล้วเป็นเช่นไร...การใช้งานกล้องฯ
Total station รุ่นไฮเทคที่สุด ณ ปี พ.ศ. นี้ ก็ยังคงอาศัยหลัก
และวิธีการเหล่านั้นเช่นเดียวกัน ในการทำการสำรวจฯ และคำนวณวงรอบ
คำถามมีอยู่ว่า: การมีเครื่องมือสำรวจฯในยุคปัจจุบัน
ที่มีความถูกต้องแม่นยำสูง เอาไว้ใช้งาน...แต่ด้วยเหตุผลกลใด ทำไมผลงาน
หรือข้อมูลสำรวจฯที่ได้มา กลับมี 'ความคลาดเคลื่อนมากกว่า' การใช้เครื่องมือสำรวจ
'ยุคโบราณ' เสียอีก โดยเฉพาะงานสำรวจฯวงรอบ...มันเกิดอะไรขึ้น? คน? เครื่องมือ?
ดินฟ้าอากาศ? เกิดอาเพศ อาถรรพ์?

ุกลุ่มงานที่เกี่ยวเนื่องและทีมงานให้คำปรึกษา งานโยธา ดังนี้
ARJSTUDIO.com
www.arjstudio.com
Civil And Structural Engineers Co.,Ltd
www.casethai.com/
Athena Siam Limited
www.athenasiamltd.com/
หลักการวิเคราะห์ปัจจัยการเลือกซื้อบ้านจัดสรร
drsamaihemman.blogspot.com/
Read more: http://geomatics-tech.blogspot.com/2013/05/2d-1.html#ixzz3RkUQTRa7
การรังวัด ในสนาม ผมใช้วิธี DRDR ครับ (Direct&Reverse) ถ้าเป็นกล้อง Wild T2 การตั้งค่าจานองศาราบ ณ ที่หมายเล็งหลัง ด้วยกล้องหน้าซ้าย (Direct) ให้ได้ 0 00 และฟิลิปดาตามต้องการ แต่ไม่เกินลิปดา(เหตุผล ง่ายในการคำนวณและเฉลี่ยค่าจานองศา ครับ) อ่านค่ามุมราบ และมุมเซนิทจากจานองศาดิ่ง จากนั้นกลับกล้องเป็นกล้องหน้าขวา(Reverse) ส่องเล็งไปยังที่หมายเดิมครับ (ไม่ต้องปรับโฟกัสบ่อย) อ่านค่าจานองศาราบ และจานองศาดิ่งครับ จากนั้นหมุนกล้องส่องไปยังที่หมายเล็งหน้า กล้องยังคงเป็นหน้าขวา อ่านค่ามุมราบ จากจานองศาราบ และมุมเซนิทจากจานองศาดิ่ง กลับกล้องเป็นกล้องหน้าซ้ายอ่านที่หมายเดิม(ไม่ต้องปรับโฟกัส) มุมราบและมุมเซนิท ถือเป็นจบการรังวัด 1 ศูนย์ (คำนวณค่าเฉลี่ยมุมและความต่างในสมุดสนาม) การรังวัดศูนย์ที่ สอง ในงานวงรอบชั้นที่ 3 ประเภท 2 รังวัดสองศูนย์ (180/n) ผมจะ Set 90 ณ ที่หมายหน้าครับ ทำซ้ำเหมือนกับศูนย์ที่ 1 ครับ มุมทั้งสองศูนย์ เมื่อปรับแก้(ตามเกณฑ์) รวมกัน เท่ากับ 360 พอดีครับ