7.3.1.3 แบบของหมุดหลักฐาน
เพื่อให้หมุดหลักฐานถาวรของงานทุกชนิด และทุกหน่วยงานมีแบบมาตรฐาน
เดียวกน จึงก ั าหนดแบบหมุดหลักฐานถาวรของสํานักสํารวจด้านวิศวกรรมแล ํ ะธรณีวิทยา
เป็ น 3 แบบ มีลักษณะรูปร่างและขนาดตาม ผนวก ก. ดังนี2
• หมุดหลักฐานถาวรแบบ ก.
เป็ นหมุดหล่อด้วยคอนกรีตสองชั2น ผิวหน้าเป็ นรูปสี%เหลี%ยมจัตุรัส มีหัวหมุดทํา
ด้วยทองเหลือง ขนาดเส้นผาศูนย์กลาง 5 ซม. ขนาดของหมุด 0.60 ่ × 0.60 × 0.70 ม.
ตอกเข็มไม้ขนาดเส้นผาศูนย์กลาง 3 ่ ″× 1 ม. จํานวน 4 ต้น (ดูรูปผนวก ก. แบบ ก.)
• หมุดหลักฐานถาวรแบบ ข.
เป็ นหมุดหล่อด้วยคอนกรีต ผิวหน้าเป็ นรูปสี%เหลี%ยมจัตุรัส มีหัวหมุดทําด้วย
โลหะอยูตรงกลาง ขนาดของหมุด 0.30 ่ × 0.30 × 0.50 ม. ตอกเข็มไม้ขนาด
เส้นผาศูนย์กลาง 3 ่ ″ × 1 ม. จํานวน 4 ต้น (ดูรูปผนวก ก. แบบ ข.)
• หมุดหลักฐานถาวรแบบ ค.
เป็ นหมุดหล่อด้วยคอนกรีต มี 2 ลักษณะ คือ
หมุดท่อกลม ขนาดเส้นผาศูนย์กลาง 0.10 ่ × 0.30 ม.
หมุดสี%เหลี%ยม ขนาด 0.15 × 0.15 × 0.30 ม.
บนผิวหน้าของหมุด ทั2ง 3 แบบ ให้ระบุชื%อยอของกรมฯ โดยใช้คําว ่ า “ชป.” และ ่
หมายเลขหมุด พร้อมกบอักษรเต็มหรือย ั อของโครงการนั ่ 2น โดยให้ตัวอักษรชี2ไปทางทิศเหนือ
(ดูรูปผนวก ก.)
กรณีที%ไม่สามารถสร้างหมุดหลักฐานถาวรได้ ให้ใช้หมุดชัวคราว (TBM : %
Temporary Bench Mark ) ให้ใช้หมุดไม้ขนาด 1″× 1″ ยาว 10 – 20 ซม. หรือ ตะปูขนาด 3″
ตอกลงบนพื2นดิน หรือ ผิวถนน ตามตําแหน่งที%เหมาะสมในการปฏิบัติงาน
7.3.1.4 หมายพยาน (REFERENCE MARKS)
เพื%อความสะดวกในการค้นหา หมุดหลักฐานถาวรแต่ละหมุด จะต้องมีหมายพยา
อยางน้อย 2 แห ่ ่ง หมายพยานนี2อาจเป็ นสิ%งก่อสร้างถาวร หรือวัตถุตามธรรมชาติที%เด่นชัด ซึ%ง
อยูใกล้หมุดในรัศมีประมาณ 30 ม. วัตถุหมายพยานเหล ่ ่านี2คาดวาจะไม ่ ่ถูกทําลายหรือสูญ
หายไป เช่น ต้นไม้ใหญ่ มุมบ้าน เสาธง และสามารถวัดระยะระหวางหมุดก ่ บหมายพยานได้ ั
โดยตรง ทั2งนี2เพื%อที%จะสามารถหาตําแหน่งของหมุดโดยวิธีสกดกลับได้ ในกรณีที%หมุด ั
หลักฐานถูกดินกลบหรือถูกทําลายไป
7.3.1.5 แบบแสดงรายละเอียดหมุดหลักฐาน (DESCRIPTIONS)
แบบแสดงรายละเอียดหมุดหลักฐาน เป็ นแบบบันทึกรายละเอียดที%ตั2งและข้อมูลที%
สําคัญของหมุดหลักฐาน เพื%อให้สามารถค้นหาหมุดหลักฐานนั2นได้ง่าย ข้อความอธิบาย
รายละเอียดในแบบแสดงที%ตั2งหมุดหลักฐานต้องสั2น กะทัดรัด มีใจความที%สมบูรณ์และเป็ น
แบบเดียวกน ภาพสเก ั ็ตที%ตั2งหมุดจะต้องชัดเจน มีรายละเอียดที%จําเป็ นสําหรับค้นหาหมุด
เท่านั2น เช่น แสดงวัตถุถาวรที%มีลักษณะเด่นตามธรรมชาติ การแสดงทิศทางต้องถูกต้อง
รายละเอียดในแบบประกอบด้วย
• ตําแหน่งทัวไป ระบุบริเวณที%ตั % 2งของหมุด สถานที%ตั2งของหมุด ตําบล อําเภอ
จังหวัด รวมทั2งเส้นทางในการเข้าถึงหมุด โดยเริ%มจากจุดที%หาง่ายที%สุด
• ตําแหน่งที%แน่นอน ระบุวัตถุถาวรหรือกึ%งถาวรที%ใกล้เคียงที%สุด เช่น อาคาร
เรียน เสาธง ถังประปา ต้นไม้ใหญ่ ลักษณะของหมุดหลักฐาน เช่น เป็ น
หมุดหลักฐานถาวรแบบ ข. หมุดสกดบนก ั อนหิน ้
• หมายพยาน แสดงลักษณะของหมายพยาน ทิศทาง และระยะจากหมุดไป
ยังหมายพยาน
• หมุดคู่ ให้แสดงตําแหน่งและทิศทางของหมุดคู่ไว้เพื%อสะดวกในการใช้
งาน
เมื%องานสํารวจของโครงการเสร็จลงแล้ว ให้ตรวจสอบและเพิ%มเติมรายละเอียด
ข้อความต่างๆ ในแบบหมายหมุดหลักฐานให้สมบูรณ์ พร้อมทั2งทําบัญชีค่าพิกดและ/หรือค ั ่า
ระดับของหมุดทุกหมุด รวมทั2งแผนที%สารบัญแสดงตําแหน่งของหมุด และภาพถ่ายของหมุด
แล้วรวบรวมส่งให้หน่วยงานที%รับผิดชอบ เก็บเป็ นหลักฐานไว้ใช้งานต่อไป
7.3.2 งานสํารวจโยงค่าพิกัด
7.3.2.1 งานรังวัดพิกัดด้วยเครื>องรับสัญญาณดาวเทียม
เป็ นวิธีการรังวัดเพื%อกาหนดตําแหน ํ ่งจากดาวเทียม จี พี เอส (GPS : Global
Positioning System) หรือระบบดาวเทียมอื%น โดยนําเครื%องรังวัดไปตั2งรับสัญญาณที%ตําแหน่ง
หมุดหลักฐาน หรื อจุดที%ต้องการหาค่าพิกัด ตามเส้นโครงข่ายการรังวัดที%ได้จัดเตรี ยมไว้
ล่วงหน้า แล้วนําผลการรังวัดมาประมวลผลและปรับแกโครงข ้ ่าย ค่าพิกดที%คํานวณได้ต้องมี ั
ค่าพิกดทางยีออเดซี (Geodetic Coordinates) และค ั ่าพิกดกริด ยู ที เอ็ม (UTM : Universal ั
Transverse Mercator) บนพื2นหลักฐานสากล WGS 84 (World Geodetic System 1984) และ
บนพื2นหลักฐานอินเดียน 2518 (Indian 1975 Datum)
7.3.2.2 งานวงรอบ (Traverse)
เป็ นวิธีการรังวัด เพื%อคํานวณหาพิกดตําแหน ั ่งของจุดต่างๆ โดยการวัดมุมและ
วัดระยะที%เชื%อมต่อระหวางจุดในลักษณะต ่ ่อเนื%องกน คั ่าพิกดต้องคํานวณเป็ นค ั ่าพิกดกริด ั
ยู ที เอ็ม บนพื2นหลักฐานอินเดียน 2518 หรือพื2นหลักฐาน WGS 84
7.3.3 งานสํารวจโยงค่าระดับ (Spirit Levelling)
เป็ นวิธีการรังวัดเพื%อคํานวณหาค่าระดับความสูง (กาหนดสูง – ผท.ทหาร) ของหมุดหลักฐาน ํ
หรือจุดต่างๆซึ%งอ้างอิงกบพื ั 2นระดับนํ2าทะเลปานกลาง ( รทก. : MEAN SEA LEVEL )
โดยการวัดค่าต่างระดับต่อเนื%องจาก จุด ถึง จุด ด้วยกล้องระดับและไม้แบ่งส่วนเมตร
7.4 ชนิดของงาน
7.4.1 งานรังวัดพิกัดด้วยเครื>องรับสัญญาณดาวเทียม
7.4.1.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง
การรับสัญญาณดาวเทียม ใช้เครื%องรับสัญญาณดาวเทียม (Reciever) แบบ Geodatic
ซึ%งมีคุณลักษณะเฉพาะดังนี2
• ช่องรับสัญญาณแบบความถี%เดียว (L1) หรือสองความถี% (L1, L2)
• วัดเส้นฐานความยาวในแบบ Static ไม่มากกวา 15 กม. ความถูกต้องของ ่
การรังวัดระยะเส้นฐานทางราบ ±10 mm. +1 ppm. Rms. หรือดีกวา หากเก ่ ิน
ต้องตั2งเครื%องรับสัญญาณใหม่
• จํานวนเครื%องรับสัญญาณตั2งแต่ 3 เครื%องขึ2นไป
7.4.1.2 เครื>องมือและอุปกรณ์
ในการรังวัดพิกดด้วยเครื%องรับสัญญาณดาวเทียม GPS แต ั ่ละหน่วย ประกอบด้วย
เครื%องมือและอุปกรณ์ดังนี2
• เครื%องรับสัญญาณดาวเทียม GPS ความถี%เดียว (L1) ได้ทั2ง C/A Code และ
Carrier รับสัญญาณปรับแกค้่าพิกดจากดาวเทียม DGPS แบบ RTCM มี ั
ช่องรับสัญญาณจากดาวเทียมไม่น้อยกว่า 12 ช่องสัญญาณ หรือเครื%องรับ
สัญญาณดาวเทียมความถี% L1 (1575.42 MHZ) และ L2 (1272.60 MHz)
แยกกน โดยมีช ั ่องรับสัญญาณดาวเทียมความถี% L1 และ L2 ไม่น้อยกว่า
ความถี%ละ 14 ช่องสัญญาณ และ SBAS จํานวนไม่น้อยกวา 2 ช ่ ่องสัญญาณ
จํานวน 3 ชุด
• โปรแกรมประยุกต์ที%ใช้ในการประมวลผล
• ไมโครคอมพิวเตอร์ ใช้ประมวลผลข้อมูลสัญญาณดาวเทียม
• เครื%องสื%อสาร ที%ใช้ในการติดต่อ
• ยานพาหนะ
7.4.1.3 การปฏิบัติงานในสนาม
• เลือกหมุดหลักฐานที%ทราบค่าพิกดเป็ นสถานีฐานโดยมีข้อก ั าหนดดังนี ํ 2
ต้องทราบข้อมูลของสถานีฐาน ได้แก่ ค่าพิกด คั ่าปรับแก สถานที%ตั ้ 2ง
ของสถานี
ตําแหน่งของสถานีฐานอยู่ในสภาพเดิมและสามารถตั2งเครื% องรับ
สัญญาณได้โดยไม่มีผลกระทบของคลื%นสะท้อนที%เป็ นสาเหตุทําให้เกิด
คลื%นหลุด
• เลือกหมุดหลักฐานที%ทราบค่าพิกดเป็ นสถานีฐาน โดยมีข้อก ั าหนด ดังนี ํ 2
เป็ นตําแหน่งที%มันคง แข็งแรง พื % 2นดินมีการบดอัดที%ดี
เป็ นตําแหน่งที%ยากแก่การโดนทําลายและไม่มีการเปลี%ยนแปลงสภาพ
ภูมิประเทศในอนาคต ควรเลือกสร้างในสถานที%ราชการ เช่น วัด
โรงเรียน หรือบริเวณที%คาดวาไม ่ ่มีการก่อสร้างที%จะเป็ นอุปสรรคในการ
ใช้งานหมุดที%สร้างขึ2นใหม่ ไม่ควรสร้างหมุดหลักฐานบนไหล่ถนน
เพราะอาจถูกทําลายได้ง่ายและไหล่ทางมีการทรุดตัวได้ง่าย
เป็ นตําแหน่งที%เด่นชัด ง่ายต่อการค้นหา
หมุดหลักฐาน (แบบคู่) ที%สร้างขึ2นใหม่ต้องมองเห็นกน ไม ั ่มีสิ%งบดบัง
แนวเล็งและระยะห่างระหวางหมุดทั ่ 2ง 2 ไม่ควรตํ%ากวา 100 ม. ่
หมุดหลักฐานที%สร้างขึ2นใหม่ไม่ควรอยูใกล้แนวสายส ่ ่งศักย์สูง
ระบุตําแหน่งที%ตั2งของหมุดหลักฐานที%สร้างขึ2นใหม่ สถานที%ตั2งของ
หมุด ตําบล อําเภอ จังหวัด เส้นทางในการเข้าถึงหมุด โดยเริ%มต้นจาก
ถนนสายหลักหรือสถานที%ที%บุคคลทัวไปรู้จัก %
เขียนแผนที%แสดงตําแหน่งของหมุดหลักฐานที%สร้างขึ2นใหม่โดยสังเขป
และโยงยึด (ระยะและภาคทิศ) ตําแหน่งของหมุดหลักฐานกับ
สิ%งก่อสร้างหรือวัตถุธรรมชาติที%เด่นชัด เช่น มุมบ้าน มุมอาคารต่างๆ ที%
ก่อสร้างอยางถาวร เสาธง ต้นไม้ยืนต้น ฯลฯ ่
• ระยะห่างระหว่างเส้นฐานที%ยาวที%สุดไม่เกิน 15 กม. (ระยะห่างระหว่างหมุดคู่
ประมาณ 4-6 กม.)
• จํานวนเส้นฐานแต่ละโครงข่ายไม่เกิน 10 เส้นฐาน มุมระหวางเส้นฐานไม ่ ่น้อย
กวา 15 องศา ่
• การรังวัดแต่ละเส้นฐานใช้เวลาไม่น้อยกวา 45 นาที ่
• จัดเก็บข้อมูลสนามเพื%อนําข้อมูลเข้าสู่การประมวลผล ปรับแก ้
• รับสัญญาณจากกลุ่มดาวเทียมเดียวกนในช ั ่วงเวลาเดียวกน ไม ั ่น้อยกวา 4 ดวง ่
• มุมก2นท้องฟ้ า (mask angle) ของเครื%องไม ั ่น้อยกวา 15 องศา ่
• หมุดหลักฐานที%สร้างใหม่ต้องมีเส้นฐานที%โยงมาสถานีฐานอื%นไม่น้อยกวา 2 เส้น ่
• จํานวนหมุดในหนึ%งวงรอบไม่ควรเกิน 8 หมุด
• หลีกเลี%ยงการตั2งเครื%องรับสัญญาณดาวเทียมในสภาพอากาศ ฝนตกหนัก หรือฟ้ า
คะนอง
• ค่า PDOP: position dilution of precision ไม่เกิน 7.0 หากเกิน ต้องตั2งเครื%องรับ
สัญญาณใหม่
7.4.1.4 การคํานวณและปรับแก้
• นําข้อมูลสนามเข้าสู่โปรแกรมประมวลผล เลือกหมุดหลักฐานที%ทราบค่าเป็ น
หมุดควบคุมค่าพิกด ั
• การประมวลเส้นฐานแต่ละเส้นฐาน ตัดดาวเทียมบางดวงออกกรณีที%สัญญาณถูก
การรบกวน
• การประมวลผลปรับแก เส้นฐานโครงข ้ ่าย โดยวิธี least squares และคํานวณ
ปรับแกหาค ้ ่าระดับโดยใช้ geoid model
7.4.2 งานโยงค่าพิกัดด้วยวิธีการวงรอบชัCนที> 2
7.4.2.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง
การวัดมุม
• ใช้กล้องวัดมุมที%มีความละเอียด 1″ หรือดีกวา ่
• จํานวนศูนย์ของการวัด 4 ศูนย์
• ความต่างของแต่ละศูนย์กบคั ่าปานกลางไม่เกิน 5″
การวัดระยะ
• ใช้เครื%องวัดระยะอิเลคทรอนิคส์ ที%มีความละเอียด ± (5 mm. + 5 ppm.× D)
หรือดีกวา ่
• ระยะระหวางหมุดไม ่ ่น้อยกวา 200 ม. ่
• วัดระยะ 2 เที%ยว ( ไป – กลับ ) ความละเอียดของการวัดระยะ 1 / 15,000
หรือดีกวา ่
การวัดอาซิมุท ดาราศาสตร์ (ASTRONOMICAL AZIMUTH)
• ทําการรังวัดอาซิมุท ทุก 20 – 25 มุม
• จํานวนศูนย์ของการวัด 12 – 16 ศูนย์
• Probable Error ของผลปานกลางไม่เกิน 2.0″
• จํานวนแกของมุมวงรอบเมื%อตรวจสอบก ้ บคั ่าอาซิมุทไม่เกินมุมละ3″หรือ
10″√N (N เป็ นจํานวนมุม)
• ความคลาดเคลื%อนในการบรรจบทางตําแหน่ง เมื%อปรับแกมุมแล้วไม ้ ่เกิน
1 / 10,000
7.4.2.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน
• ค้นหาหมุดหลักฐานที%จะใช้ออกงาน และเข้าบรรจบ ซึ%งเป็ นหมุดหลักฐาน
ชั2นที% 2 หรือชั2นที%สูงกวา ่
• กรุยแนวเส้นวงรอบจากหมุดหลักฐานที%ทราบค่าแล้ว เข้าเขตโครงการพร้อม
ทั2งกาหนดตําแหน ํ ่ง ของหมุดวงรอบและตําแหน่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน
ถาวร
• สร้างหมุดหลักฐานถาวร
แบบ ข. เป็ นคู่ทุกระยะ 4 – 5 กม.
แบบ ค. เป็ นคู่ทุกระยะ 2 กม.
• สร้างหมุดชัวคราว (หมุดไม้) ทุกหมุดวงรอบ %
7.4.2.3 การวัดมุมและวัดระยะ
• วัดมุมทุกหมุดวงรอบ
• วัดระยะระหวางหมุดวงรอบ ่
• วัดอาซิมุทดาราศาสตร์ เพื%อควบคุมทิศทางของเส้นวงรอบทุก 20 - 25 มุม
7.4.2.4 การคํานวณ
ตรวจสอบค่ามุมและระยะให้อยูในเกณฑ์ตามข้อ 7.4.2.1 ่
คํานวณค่าพิกดในระบบพิก ั ด ยู ที เอ็ม ั
7.4.3 งานโยงค่าพิกัดด้วยวิธีการวงรอบชัCนที> 3
7.4.3.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง
การวัดมุม
• ใช้กล้องวัดมุมที%มีความละเอียด 1′หรือดีกวา กรณีที%ใช้กล้องวัดมุมอีเลคท ่
รอนิคส์ต้องมีความละเอียด 20″ หรือดีกวา ่
• จํานวนศูนย์ของการวัด 2 ศูนย์
• ความต่างของแต่ละศูนย์กบคั ่าปานกลางไม่เกิน 10″
• สถานีแรกและสถานีสุดท้ายของการวัดมุมต้องไม่เป็ นหมุดเดียวกน ั
การวัดระยะ
• ใช้เครื%องวัดระยะอิเลคทรอนิคส์ หรือโซ่ลานเหล็ก (STEEL TAPE)
• ความละเอียดของการวัดระยะ 1/7,500 หรือดีกวา ่
การวัดอาซิมุทดาราศาสตร์
• ทําการรังวัดอาซิมุท ทุก 30 – 40 มุม
• จํานวนศูนย์ของการวัด 8 – 12 ศูนย์
• Probable Error ของผลปานกลางไม่เกิน 5″
• จํานวนแกของมุมวงรอบเมื%อตรวจสอบก ้ บคั ่าอาซิมุทไม่เกินมุมละ5″หรือ
15″√N (N เป็ นจํานวนมุม)
• ความคลาดเคลื%อนในการบรรจบทางตําแหน่ง เมื%อปรับแกมุมแล้วไม ้ ่เกิน
1/5,000
7.4.3.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน
• ค้นหาหมุดหลักฐานที%จะใช้ออกงานและเข้าบรรจบ ซึ%งเป็ นหมุดหลักฐาน
ชั2นที% 3 หรือชั2นที%สูงกวา ่
• กรุยแนวเส้นวงรอบจากหมุดหลักฐานที%ทราบค่าแล้ว เข้าเขตโครงการพร้อม
ทั2งกาหนดตําแหน ํ ่ง ของหมุดวงรอบและตําแหน่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน
ถาวร
• สร้างหมุดหลักฐานถาวร
แบบ ข. เป็ นคู่ทุกระยะ 4 – 5 กม.
แบบ ค. เป็ นคู่ทุกระยะ 2 กม.
• สร้างหมุดชัวคราว (หมุดไม้) ทุกหมุดวงรอบ %
7.4.3.3 การวัดมุมและวัดระยะ
• วัดมุมทุกหมุดวงรอบ
• วัดระยะระหวางหมุดวงรอบ ่
• วัดอาซิมุทดาราศาสตร์ เพื%อควบคุมทิศทางของเส้นวงรอบทุก 40 มุม หรือ
น้อยกวา ่
7.4.3.4 การคํานวณ
• ตรวจสอบค่ามุมและระยะให้อยูในเกณฑ์ตามข้อ 7.4.3.1 ่
• คํานวณค่าพิกดในระบบพิก ั ด ยู ที เอ็ม ั
7.4.4 งานโยงค่าระดับ โดยวิธีการระดับชัCนที> 2
7.4.4.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง
เครื>องมือและอุปกรณ์
• ใช้กล้องระดับอัตโนมัติซึ%งมีความคลาดเคลื%อนเฉลี%ยในการปรับเส้นเล็ง 0.5
ฟิ ลิบดาหรือ กล้อง Tilting ซึ%งมีความไวของหลอดระดับ 30 ฟิ ลิบดา ต่อ 2
มม. หรือดีกวา และประกอบด้วย Parallel Plate Micrometers และมีค ่ ่า
เบี%ยงเบนมาตรฐานของการทําระดับไป – กลับ (Double – run) 1.5 มม./กม.
หรือดีกวา ่
• ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร ที%ทําด้วยโลหะอินวาร์ มีหลอดระดับฟองกลมประกอบ
และเหล็กรองรับไม้แบ่งส่วนเมตร (Ground Plates)
หรือ
• ใช้กล้องระดับดิจิตอล (Digital Level) ซึ%งมีกาลังขยายของกล้องส ํ ่อง
(Telescope) ไม่น้อยกวา 30 เท ่ ่า และความเบี%ยงเบนมาตรฐานของการทํา
ระดับไป – กลับ (Double – run) 1.5 มม./กม. หรือดีกวา มีระบบบันทึก ่
ข้อมูลภายในตัวเครื%อง (Internal Memory) หรือแผนบันทึกข้อมูล (Memory ่
Card)
• ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร ชนิดแถบรหัส (Bar Code) มีหลอดระดับฟองกลม
ประกอบ และเหล็กรองรับไม้แบ่งส่วนเมตร (Ground Plates)
การปฏิบัติงานสนาม
• ความยาวของสายการระดับ ไม่เกิน 60 กม.
• ทําระดับเที%ยวเดียว (Single Run) ถ้าหมุดหลักฐานที%ใช้ออกงานและเข้า
บรรจบอยูห่ ่างกนไม ั ่เกิน 20 กม. ถ้าเกิน 20 กม.ให้ทําระดับแบบไป – กลับ
• ถ้าไม่มีหมุดหลักฐานเข้าบรรจบ ให้ทําระดับแบบไป – กลับ โดยเดินระดับ
เที%ยว ทํากลับ ผานหมุดหลักฐานทุกหมุดของเที%ยวทําไป ่
• แบ่งสายระดับออกเป็ นตอนการระดับทุกช่วง 1 – 3 กม.
• ระยะไกลสุดระหวางกล้องก ่ บไม้แบ ั ่งส่วน ม. ไม่เกิน 80 ม.
• ความต่างระหวางระยะไม้หน้าและระยะไม้หลัง ไม ่ ่เกิน 10 ม.
• ความต่างสะสมระหวางผลรวมระยะไม้หน้า ก ่ บผลรวมระยะไม้หลัง ของ ั
ตอนการระดับไม่เกิน 10 ม.
• หมุดออกงาน และหมุดเข้าบรรจบ ต้องไม่ใช่หมุดเดียวกน ั
• ความคลาดเคลื%อนระหวางเที%ยวทําไปก ่ บเที%ยวทํากลับ หรือในการเข้า ั
บรรจบหมุด ไม่เกิน 8.4 มม.√K (K = ระยะทางเป็ นกม.)
7.4.4.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน
• ค้นหาหมุดหลักฐาน การระดับชั2นที% 1 หรือชั2นที% 2 เพื%อใช้ออกงานและเข้า
บรรจบ
• กรุยแนวสายการระดับ และกาหนดตําแหน ํ ่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน
• สร้างหมุดหลักฐานถาวร
แบบ ข. ทุกระยะ 4 – 5 กม.
แบบ ค. ทุกระยะ 2 กม.
7.4.4.3 การวัดระดับ
เครื%องมือ วิธีการรังวัด และการคํานวณปรับแกให้เป็ นไปตามเกณฑ์ก ้ าหนดเฉพาะ ํ
ของงานระดับชั2นที% 2
7.4.5 งานโยงค่าระดับ โดยวิธีการระดับชัCนที> 3
7.4.5.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง
เครื>องมือและอุปกรณ์
• ใช้กล้องระดับอัตโนมัติ หรือกล้องTilting ซึ%งมีความไวของหลอดระดับ 60
ฟิ ลิปดา ต่อ 2 มม. หรือดีกวา ่
• ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร แบบธรรมดา
หรือ
• ใช้กล้องระดับดิจิตอล (Digital Level) ซึ%งมีกาลังขยายของกล้องส ํ ่อง ไม่
น้อยกวา 24 เท ่ ่า และความเบี%ยงเบนมาตรฐานของการทําระดับไป – กลับ
2.0 มม./กม. หรือดีกวา ่
• ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร ชนิดแถบรหัส (Bar Code) มีหลอดระดับฟองกลม
ประกอบ และเหล็กรองรับไม้แบ่งส่วนเมตร (Ground Plates)
การปฏิบัติงานสนาม
• ความยาวของสายการระดับ ไม่เกิน 40 กม.
• ทําระดับเที%ยวเดียว (Single Run) ถ้าหมุดหลักฐานที%ใช้ออกงานและเข้า
บรรจบ อยูห่ ่างกนไม ั ่เกิน 20 กม. ถ้าเกิน 20 กม.ให้ทําระดับแบบไป – กลับ
• ถ้าไม่มีหมุดหลักฐานเข้าบรรจบ ให้ทําระดับแบบไป – กลับ โดยเดินระดับ
เที%ยว ทํากลับ ผานหมุดหลักฐานทุกหมุดของเที%ยวทําไป ่
• แบ่งสายการระดับออกเป็ นตอน ความยาวตอนละ 1 – 3 กม.
• การอ่านค่าระดับให้อ่านทั2งสามสายใย คือ สายใยบน ( U) สายใยกลาง (M)
และสายใยล่าง (L) โดยให้ ผลบวกของสายใยบนกบสายใยล ั ่าง เทียบกบ 2 ั
เท่าของสายใยกลาง ต้องไม่เกิน 2 มม.
• ระยะไกลสุดระหวางกล้องก ่ บไม้ระดับ ไม ั ่เกิน 100 ม.
• หมุดออกงาน และหมุดบรรจบต้องไม่ใช่หมุดเดียวกน ั
• ความคลาดเคลื%อนระหวางเที%ยวทําไปก ่ บเที%ยวทํากลับ และในการเข้าบรรจบ ั
หมุดไม่เกิน 12 มม.√K (K= ระยะทางเป็ น กม.)
7.4.5.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน
ค้นหาหมุดหลักฐาน การระดับชั2นที% 3 หรือชั2นสูงกวา เพื%อใช้ออกงานและเข้า ่
บรรจบ
กรุยแนวสายการระดับ และกาหนดตําแหน ํ ่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน
สร้างหมุดหลักฐานถาวร
• แบบ ข. ทุกระยะ 4 – 5 กม.
• แบบ ค. ทุกระยะ 2 กม.
7.4.5.3 การวัดระดับ
เครื%องมือ วิธีการวัด และคํานวณปรับแกให้เป็ นไปตามเกณฑ์ก ้ าหนดของงาน ํ
ระดับชั2นที% 3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น