วันศุกร์ที่ 13 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

แบบของหมุดหลักฐาน ในการสำรวจ

7.3.1.3 แบบของหมุดหลักฐาน

 เพื่อให้หมุดหลักฐานถาวรของงานทุกชนิด และทุกหน่วยงานมีแบบมาตรฐาน เดียวกน จึงก ั าหนดแบบหมุดหลักฐานถาวรของสํานักสํารวจด้านวิศวกรรมแล ํ ะธรณีวิทยา เป็ น 3 แบบ มีลักษณะรูปร่างและขนาดตาม ผนวก ก. ดังนี2 • หมุดหลักฐานถาวรแบบ ก. เป็ นหมุดหล่อด้วยคอนกรีตสองชั2น ผิวหน้าเป็ นรูปสี%เหลี%ยมจัตุรัส มีหัวหมุดทํา ด้วยทองเหลือง ขนาดเส้นผาศูนย์กลาง 5 ซม. ขนาดของหมุด 0.60 ่ × 0.60 × 0.70 ม. ตอกเข็มไม้ขนาดเส้นผาศูนย์กลาง 3 ่ ″× 1 ม. จํานวน 4 ต้น (ดูรูปผนวก ก. แบบ ก.) • หมุดหลักฐานถาวรแบบ ข. เป็ นหมุดหล่อด้วยคอนกรีต ผิวหน้าเป็ นรูปสี%เหลี%ยมจัตุรัส มีหัวหมุดทําด้วย โลหะอยูตรงกลาง ขนาดของหมุด 0.30 ่ × 0.30 × 0.50 ม. ตอกเข็มไม้ขนาด เส้นผาศูนย์กลาง 3 ่ ″ × 1 ม. จํานวน 4 ต้น (ดูรูปผนวก ก. แบบ ข.) • หมุดหลักฐานถาวรแบบ ค. เป็ นหมุดหล่อด้วยคอนกรีต มี 2 ลักษณะ คือ หมุดท่อกลม ขนาดเส้นผาศูนย์กลาง 0.10 ่ × 0.30 ม. หมุดสี%เหลี%ยม ขนาด 0.15 × 0.15 × 0.30 ม. บนผิวหน้าของหมุด ทั2ง 3 แบบ ให้ระบุชื%อยอของกรมฯ โดยใช้คําว ่ า “ชป.” และ ่ หมายเลขหมุด พร้อมกบอักษรเต็มหรือย ั อของโครงการนั ่ 2น โดยให้ตัวอักษรชี2ไปทางทิศเหนือ (ดูรูปผนวก ก.) กรณีที%ไม่สามารถสร้างหมุดหลักฐานถาวรได้ ให้ใช้หมุดชัวคราว (TBM : % Temporary Bench Mark ) ให้ใช้หมุดไม้ขนาด 1″× 1″ ยาว 10 – 20 ซม. หรือ ตะปูขนาด 3″ ตอกลงบนพื2นดิน หรือ ผิวถนน ตามตําแหน่งที%เหมาะสมในการปฏิบัติงาน 7.3.1.4 หมายพยาน (REFERENCE MARKS) เพื%อความสะดวกในการค้นหา หมุดหลักฐานถาวรแต่ละหมุด จะต้องมีหมายพยา อยางน้อย 2 แห ่ ่ง หมายพยานนี2อาจเป็ นสิ%งก่อสร้างถาวร หรือวัตถุตามธรรมชาติที%เด่นชัด ซึ%ง อยูใกล้หมุดในรัศมีประมาณ 30 ม. วัตถุหมายพยานเหล ่ ่านี2คาดวาจะไม ่ ่ถูกทําลายหรือสูญ หายไป เช่น ต้นไม้ใหญ่ มุมบ้าน เสาธง และสามารถวัดระยะระหวางหมุดก ่ บหมายพยานได้ ั โดยตรง ทั2งนี2เพื%อที%จะสามารถหาตําแหน่งของหมุดโดยวิธีสกดกลับได้ ในกรณีที%หมุด ั หลักฐานถูกดินกลบหรือถูกทําลายไป 7.3.1.5 แบบแสดงรายละเอียดหมุดหลักฐาน (DESCRIPTIONS) แบบแสดงรายละเอียดหมุดหลักฐาน เป็ นแบบบันทึกรายละเอียดที%ตั2งและข้อมูลที% สําคัญของหมุดหลักฐาน เพื%อให้สามารถค้นหาหมุดหลักฐานนั2นได้ง่าย ข้อความอธิบาย รายละเอียดในแบบแสดงที%ตั2งหมุดหลักฐานต้องสั2น กะทัดรัด มีใจความที%สมบูรณ์และเป็ น แบบเดียวกน ภาพสเก ั ็ตที%ตั2งหมุดจะต้องชัดเจน มีรายละเอียดที%จําเป็ นสําหรับค้นหาหมุด เท่านั2น เช่น แสดงวัตถุถาวรที%มีลักษณะเด่นตามธรรมชาติ การแสดงทิศทางต้องถูกต้อง รายละเอียดในแบบประกอบด้วย • ตําแหน่งทัวไป ระบุบริเวณที%ตั % 2งของหมุด สถานที%ตั2งของหมุด ตําบล อําเภอ จังหวัด รวมทั2งเส้นทางในการเข้าถึงหมุด โดยเริ%มจากจุดที%หาง่ายที%สุด • ตําแหน่งที%แน่นอน ระบุวัตถุถาวรหรือกึ%งถาวรที%ใกล้เคียงที%สุด เช่น อาคาร เรียน เสาธง ถังประปา ต้นไม้ใหญ่ ลักษณะของหมุดหลักฐาน เช่น เป็ น หมุดหลักฐานถาวรแบบ ข. หมุดสกดบนก ั อนหิน ้ • หมายพยาน แสดงลักษณะของหมายพยาน ทิศทาง และระยะจากหมุดไป ยังหมายพยาน • หมุดคู่ ให้แสดงตําแหน่งและทิศทางของหมุดคู่ไว้เพื%อสะดวกในการใช้ งาน เมื%องานสํารวจของโครงการเสร็จลงแล้ว ให้ตรวจสอบและเพิ%มเติมรายละเอียด ข้อความต่างๆ ในแบบหมายหมุดหลักฐานให้สมบูรณ์ พร้อมทั2งทําบัญชีค่าพิกดและ/หรือค ั ่า ระดับของหมุดทุกหมุด รวมทั2งแผนที%สารบัญแสดงตําแหน่งของหมุด และภาพถ่ายของหมุด แล้วรวบรวมส่งให้หน่วยงานที%รับผิดชอบ เก็บเป็ นหลักฐานไว้ใช้งานต่อไป 7.3.2 งานสํารวจโยงค่าพิกัด 7.3.2.1 งานรังวัดพิกัดด้วยเครื>องรับสัญญาณดาวเทียม เป็ นวิธีการรังวัดเพื%อกาหนดตําแหน ํ ่งจากดาวเทียม จี พี เอส (GPS : Global Positioning System) หรือระบบดาวเทียมอื%น โดยนําเครื%องรังวัดไปตั2งรับสัญญาณที%ตําแหน่ง หมุดหลักฐาน หรื อจุดที%ต้องการหาค่าพิกัด ตามเส้นโครงข่ายการรังวัดที%ได้จัดเตรี ยมไว้ ล่วงหน้า แล้วนําผลการรังวัดมาประมวลผลและปรับแกโครงข ้ ่าย ค่าพิกดที%คํานวณได้ต้องมี ั ค่าพิกดทางยีออเดซี (Geodetic Coordinates) และค ั ่าพิกดกริด ยู ที เอ็ม (UTM : Universal ั Transverse Mercator) บนพื2นหลักฐานสากล WGS 84 (World Geodetic System 1984) และ บนพื2นหลักฐานอินเดียน 2518 (Indian 1975 Datum) 7.3.2.2 งานวงรอบ (Traverse) เป็ นวิธีการรังวัด เพื%อคํานวณหาพิกดตําแหน ั ่งของจุดต่างๆ โดยการวัดมุมและ วัดระยะที%เชื%อมต่อระหวางจุดในลักษณะต ่ ่อเนื%องกน คั ่าพิกดต้องคํานวณเป็ นค ั ่าพิกดกริด ั ยู ที เอ็ม บนพื2นหลักฐานอินเดียน 2518 หรือพื2นหลักฐาน WGS 84 7.3.3 งานสํารวจโยงค่าระดับ (Spirit Levelling) เป็ นวิธีการรังวัดเพื%อคํานวณหาค่าระดับความสูง (กาหนดสูง – ผท.ทหาร) ของหมุดหลักฐาน ํ หรือจุดต่างๆซึ%งอ้างอิงกบพื ั 2นระดับนํ2าทะเลปานกลาง ( รทก. : MEAN SEA LEVEL ) โดยการวัดค่าต่างระดับต่อเนื%องจาก จุด ถึง จุด ด้วยกล้องระดับและไม้แบ่งส่วนเมตร 7.4 ชนิดของงาน 7.4.1 งานรังวัดพิกัดด้วยเครื>องรับสัญญาณดาวเทียม 7.4.1.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง การรับสัญญาณดาวเทียม ใช้เครื%องรับสัญญาณดาวเทียม (Reciever) แบบ Geodatic ซึ%งมีคุณลักษณะเฉพาะดังนี2 • ช่องรับสัญญาณแบบความถี%เดียว (L1) หรือสองความถี% (L1, L2) • วัดเส้นฐานความยาวในแบบ Static ไม่มากกวา 15 กม. ความถูกต้องของ ่ การรังวัดระยะเส้นฐานทางราบ ±10 mm. +1 ppm. Rms. หรือดีกวา หากเก ่ ิน ต้องตั2งเครื%องรับสัญญาณใหม่ • จํานวนเครื%องรับสัญญาณตั2งแต่ 3 เครื%องขึ2นไป 7.4.1.2 เครื>องมือและอุปกรณ์ ในการรังวัดพิกดด้วยเครื%องรับสัญญาณดาวเทียม GPS แต ั ่ละหน่วย ประกอบด้วย เครื%องมือและอุปกรณ์ดังนี2 • เครื%องรับสัญญาณดาวเทียม GPS ความถี%เดียว (L1) ได้ทั2ง C/A Code และ Carrier รับสัญญาณปรับแกค้่าพิกดจากดาวเทียม DGPS แบบ RTCM มี ั ช่องรับสัญญาณจากดาวเทียมไม่น้อยกว่า 12 ช่องสัญญาณ หรือเครื%องรับ สัญญาณดาวเทียมความถี% L1 (1575.42 MHZ) และ L2 (1272.60 MHz) แยกกน โดยมีช ั ่องรับสัญญาณดาวเทียมความถี% L1 และ L2 ไม่น้อยกว่า ความถี%ละ 14 ช่องสัญญาณ และ SBAS จํานวนไม่น้อยกวา 2 ช ่ ่องสัญญาณ จํานวน 3 ชุด • โปรแกรมประยุกต์ที%ใช้ในการประมวลผล • ไมโครคอมพิวเตอร์ ใช้ประมวลผลข้อมูลสัญญาณดาวเทียม • เครื%องสื%อสาร ที%ใช้ในการติดต่อ • ยานพาหนะ 7.4.1.3 การปฏิบัติงานในสนาม • เลือกหมุดหลักฐานที%ทราบค่าพิกดเป็ นสถานีฐานโดยมีข้อก ั าหนดดังนี ํ 2 ต้องทราบข้อมูลของสถานีฐาน ได้แก่ ค่าพิกด คั ่าปรับแก สถานที%ตั ้ 2ง ของสถานี ตําแหน่งของสถานีฐานอยู่ในสภาพเดิมและสามารถตั2งเครื% องรับ สัญญาณได้โดยไม่มีผลกระทบของคลื%นสะท้อนที%เป็ นสาเหตุทําให้เกิด คลื%นหลุด • เลือกหมุดหลักฐานที%ทราบค่าพิกดเป็ นสถานีฐาน โดยมีข้อก ั าหนด ดังนี ํ 2 เป็ นตําแหน่งที%มันคง แข็งแรง พื % 2นดินมีการบดอัดที%ดี เป็ นตําแหน่งที%ยากแก่การโดนทําลายและไม่มีการเปลี%ยนแปลงสภาพ ภูมิประเทศในอนาคต ควรเลือกสร้างในสถานที%ราชการ เช่น วัด โรงเรียน หรือบริเวณที%คาดวาไม ่ ่มีการก่อสร้างที%จะเป็ นอุปสรรคในการ ใช้งานหมุดที%สร้างขึ2นใหม่ ไม่ควรสร้างหมุดหลักฐานบนไหล่ถนน เพราะอาจถูกทําลายได้ง่ายและไหล่ทางมีการทรุดตัวได้ง่าย เป็ นตําแหน่งที%เด่นชัด ง่ายต่อการค้นหา หมุดหลักฐาน (แบบคู่) ที%สร้างขึ2นใหม่ต้องมองเห็นกน ไม ั ่มีสิ%งบดบัง แนวเล็งและระยะห่างระหวางหมุดทั ่ 2ง 2 ไม่ควรตํ%ากวา 100 ม. ่ หมุดหลักฐานที%สร้างขึ2นใหม่ไม่ควรอยูใกล้แนวสายส ่ ่งศักย์สูง ระบุตําแหน่งที%ตั2งของหมุดหลักฐานที%สร้างขึ2นใหม่ สถานที%ตั2งของ หมุด ตําบล อําเภอ จังหวัด เส้นทางในการเข้าถึงหมุด โดยเริ%มต้นจาก ถนนสายหลักหรือสถานที%ที%บุคคลทัวไปรู้จัก % เขียนแผนที%แสดงตําแหน่งของหมุดหลักฐานที%สร้างขึ2นใหม่โดยสังเขป และโยงยึด (ระยะและภาคทิศ) ตําแหน่งของหมุดหลักฐานกับ สิ%งก่อสร้างหรือวัตถุธรรมชาติที%เด่นชัด เช่น มุมบ้าน มุมอาคารต่างๆ ที% ก่อสร้างอยางถาวร เสาธง ต้นไม้ยืนต้น ฯลฯ ่ • ระยะห่างระหว่างเส้นฐานที%ยาวที%สุดไม่เกิน 15 กม. (ระยะห่างระหว่างหมุดคู่ ประมาณ 4-6 กม.) • จํานวนเส้นฐานแต่ละโครงข่ายไม่เกิน 10 เส้นฐาน มุมระหวางเส้นฐานไม ่ ่น้อย กวา 15 องศา ่ • การรังวัดแต่ละเส้นฐานใช้เวลาไม่น้อยกวา 45 นาที ่ • จัดเก็บข้อมูลสนามเพื%อนําข้อมูลเข้าสู่การประมวลผล ปรับแก ้ • รับสัญญาณจากกลุ่มดาวเทียมเดียวกนในช ั ่วงเวลาเดียวกน ไม ั ่น้อยกวา 4 ดวง ่ • มุมก2นท้องฟ้ า (mask angle) ของเครื%องไม ั ่น้อยกวา 15 องศา ่ • หมุดหลักฐานที%สร้างใหม่ต้องมีเส้นฐานที%โยงมาสถานีฐานอื%นไม่น้อยกวา 2 เส้น ่ • จํานวนหมุดในหนึ%งวงรอบไม่ควรเกิน 8 หมุด • หลีกเลี%ยงการตั2งเครื%องรับสัญญาณดาวเทียมในสภาพอากาศ ฝนตกหนัก หรือฟ้ า คะนอง • ค่า PDOP: position dilution of precision ไม่เกิน 7.0 หากเกิน ต้องตั2งเครื%องรับ สัญญาณใหม่ 7.4.1.4 การคํานวณและปรับแก้ • นําข้อมูลสนามเข้าสู่โปรแกรมประมวลผล เลือกหมุดหลักฐานที%ทราบค่าเป็ น หมุดควบคุมค่าพิกด ั • การประมวลเส้นฐานแต่ละเส้นฐาน ตัดดาวเทียมบางดวงออกกรณีที%สัญญาณถูก การรบกวน • การประมวลผลปรับแก เส้นฐานโครงข ้ ่าย โดยวิธี least squares และคํานวณ ปรับแกหาค ้ ่าระดับโดยใช้ geoid model 7.4.2 งานโยงค่าพิกัดด้วยวิธีการวงรอบชัCนที> 2 7.4.2.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง การวัดมุม • ใช้กล้องวัดมุมที%มีความละเอียด 1″ หรือดีกวา ่ • จํานวนศูนย์ของการวัด 4 ศูนย์ • ความต่างของแต่ละศูนย์กบคั ่าปานกลางไม่เกิน 5″ การวัดระยะ • ใช้เครื%องวัดระยะอิเลคทรอนิคส์ ที%มีความละเอียด ± (5 mm. + 5 ppm.× D) หรือดีกวา ่ • ระยะระหวางหมุดไม ่ ่น้อยกวา 200 ม. ่ • วัดระยะ 2 เที%ยว ( ไป – กลับ ) ความละเอียดของการวัดระยะ 1 / 15,000 หรือดีกวา ่ การวัดอาซิมุท ดาราศาสตร์ (ASTRONOMICAL AZIMUTH) • ทําการรังวัดอาซิมุท ทุก 20 – 25 มุม • จํานวนศูนย์ของการวัด 12 – 16 ศูนย์ • Probable Error ของผลปานกลางไม่เกิน 2.0″ • จํานวนแกของมุมวงรอบเมื%อตรวจสอบก ้ บคั ่าอาซิมุทไม่เกินมุมละ3″หรือ 10″√N (N เป็ นจํานวนมุม) • ความคลาดเคลื%อนในการบรรจบทางตําแหน่ง เมื%อปรับแกมุมแล้วไม ้ ่เกิน 1 / 10,000 7.4.2.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน • ค้นหาหมุดหลักฐานที%จะใช้ออกงาน และเข้าบรรจบ ซึ%งเป็ นหมุดหลักฐาน ชั2นที% 2 หรือชั2นที%สูงกวา ่ • กรุยแนวเส้นวงรอบจากหมุดหลักฐานที%ทราบค่าแล้ว เข้าเขตโครงการพร้อม ทั2งกาหนดตําแหน ํ ่ง ของหมุดวงรอบและตําแหน่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน ถาวร • สร้างหมุดหลักฐานถาวร แบบ ข. เป็ นคู่ทุกระยะ 4 – 5 กม. แบบ ค. เป็ นคู่ทุกระยะ 2 กม. • สร้างหมุดชัวคราว (หมุดไม้) ทุกหมุดวงรอบ % 7.4.2.3 การวัดมุมและวัดระยะ • วัดมุมทุกหมุดวงรอบ • วัดระยะระหวางหมุดวงรอบ ่ • วัดอาซิมุทดาราศาสตร์ เพื%อควบคุมทิศทางของเส้นวงรอบทุก 20 - 25 มุม 7.4.2.4 การคํานวณ ตรวจสอบค่ามุมและระยะให้อยูในเกณฑ์ตามข้อ 7.4.2.1 ่ คํานวณค่าพิกดในระบบพิก ั ด ยู ที เอ็ม ั 7.4.3 งานโยงค่าพิกัดด้วยวิธีการวงรอบชัCนที> 3 7.4.3.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง การวัดมุม • ใช้กล้องวัดมุมที%มีความละเอียด 1′หรือดีกวา กรณีที%ใช้กล้องวัดมุมอีเลคท ่ รอนิคส์ต้องมีความละเอียด 20″ หรือดีกวา ่ • จํานวนศูนย์ของการวัด 2 ศูนย์ • ความต่างของแต่ละศูนย์กบคั ่าปานกลางไม่เกิน 10″ • สถานีแรกและสถานีสุดท้ายของการวัดมุมต้องไม่เป็ นหมุดเดียวกน ั การวัดระยะ • ใช้เครื%องวัดระยะอิเลคทรอนิคส์ หรือโซ่ลานเหล็ก (STEEL TAPE) • ความละเอียดของการวัดระยะ 1/7,500 หรือดีกวา ่ การวัดอาซิมุทดาราศาสตร์ • ทําการรังวัดอาซิมุท ทุก 30 – 40 มุม • จํานวนศูนย์ของการวัด 8 – 12 ศูนย์ • Probable Error ของผลปานกลางไม่เกิน 5″ • จํานวนแกของมุมวงรอบเมื%อตรวจสอบก ้ บคั ่าอาซิมุทไม่เกินมุมละ5″หรือ 15″√N (N เป็ นจํานวนมุม) • ความคลาดเคลื%อนในการบรรจบทางตําแหน่ง เมื%อปรับแกมุมแล้วไม ้ ่เกิน 1/5,000 7.4.3.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน • ค้นหาหมุดหลักฐานที%จะใช้ออกงานและเข้าบรรจบ ซึ%งเป็ นหมุดหลักฐาน ชั2นที% 3 หรือชั2นที%สูงกวา ่ • กรุยแนวเส้นวงรอบจากหมุดหลักฐานที%ทราบค่าแล้ว เข้าเขตโครงการพร้อม ทั2งกาหนดตําแหน ํ ่ง ของหมุดวงรอบและตําแหน่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน ถาวร • สร้างหมุดหลักฐานถาวร แบบ ข. เป็ นคู่ทุกระยะ 4 – 5 กม. แบบ ค. เป็ นคู่ทุกระยะ 2 กม. • สร้างหมุดชัวคราว (หมุดไม้) ทุกหมุดวงรอบ % 7.4.3.3 การวัดมุมและวัดระยะ • วัดมุมทุกหมุดวงรอบ • วัดระยะระหวางหมุดวงรอบ ่ • วัดอาซิมุทดาราศาสตร์ เพื%อควบคุมทิศทางของเส้นวงรอบทุก 40 มุม หรือ น้อยกวา ่ 7.4.3.4 การคํานวณ • ตรวจสอบค่ามุมและระยะให้อยูในเกณฑ์ตามข้อ 7.4.3.1 ่ • คํานวณค่าพิกดในระบบพิก ั ด ยู ที เอ็ม ั 7.4.4 งานโยงค่าระดับ โดยวิธีการระดับชัCนที> 2 7.4.4.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง เครื>องมือและอุปกรณ์ • ใช้กล้องระดับอัตโนมัติซึ%งมีความคลาดเคลื%อนเฉลี%ยในการปรับเส้นเล็ง 0.5 ฟิ ลิบดาหรือ กล้อง Tilting ซึ%งมีความไวของหลอดระดับ 30 ฟิ ลิบดา ต่อ 2 มม. หรือดีกวา และประกอบด้วย Parallel Plate Micrometers และมีค ่ ่า เบี%ยงเบนมาตรฐานของการทําระดับไป – กลับ (Double – run) 1.5 มม./กม. หรือดีกวา ่ • ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร ที%ทําด้วยโลหะอินวาร์ มีหลอดระดับฟองกลมประกอบ และเหล็กรองรับไม้แบ่งส่วนเมตร (Ground Plates) หรือ • ใช้กล้องระดับดิจิตอล (Digital Level) ซึ%งมีกาลังขยายของกล้องส ํ ่อง (Telescope) ไม่น้อยกวา 30 เท ่ ่า และความเบี%ยงเบนมาตรฐานของการทํา ระดับไป – กลับ (Double – run) 1.5 มม./กม. หรือดีกวา มีระบบบันทึก ่ ข้อมูลภายในตัวเครื%อง (Internal Memory) หรือแผนบันทึกข้อมูล (Memory ่ Card) • ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร ชนิดแถบรหัส (Bar Code) มีหลอดระดับฟองกลม ประกอบ และเหล็กรองรับไม้แบ่งส่วนเมตร (Ground Plates) การปฏิบัติงานสนาม • ความยาวของสายการระดับ ไม่เกิน 60 กม. • ทําระดับเที%ยวเดียว (Single Run) ถ้าหมุดหลักฐานที%ใช้ออกงานและเข้า บรรจบอยูห่ ่างกนไม ั ่เกิน 20 กม. ถ้าเกิน 20 กม.ให้ทําระดับแบบไป – กลับ • ถ้าไม่มีหมุดหลักฐานเข้าบรรจบ ให้ทําระดับแบบไป – กลับ โดยเดินระดับ เที%ยว ทํากลับ ผานหมุดหลักฐานทุกหมุดของเที%ยวทําไป ่ • แบ่งสายระดับออกเป็ นตอนการระดับทุกช่วง 1 – 3 กม. • ระยะไกลสุดระหวางกล้องก ่ บไม้แบ ั ่งส่วน ม. ไม่เกิน 80 ม. • ความต่างระหวางระยะไม้หน้าและระยะไม้หลัง ไม ่ ่เกิน 10 ม. • ความต่างสะสมระหวางผลรวมระยะไม้หน้า ก ่ บผลรวมระยะไม้หลัง ของ ั ตอนการระดับไม่เกิน 10 ม. • หมุดออกงาน และหมุดเข้าบรรจบ ต้องไม่ใช่หมุดเดียวกน ั • ความคลาดเคลื%อนระหวางเที%ยวทําไปก ่ บเที%ยวทํากลับ หรือในการเข้า ั บรรจบหมุด ไม่เกิน 8.4 มม.√K (K = ระยะทางเป็ นกม.) 7.4.4.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน • ค้นหาหมุดหลักฐาน การระดับชั2นที% 1 หรือชั2นที% 2 เพื%อใช้ออกงานและเข้า บรรจบ • กรุยแนวสายการระดับ และกาหนดตําแหน ํ ่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน • สร้างหมุดหลักฐานถาวร แบบ ข. ทุกระยะ 4 – 5 กม. แบบ ค. ทุกระยะ 2 กม. 7.4.4.3 การวัดระดับ เครื%องมือ วิธีการรังวัด และการคํานวณปรับแกให้เป็ นไปตามเกณฑ์ก ้ าหนดเฉพาะ ํ ของงานระดับชั2นที% 2 7.4.5 งานโยงค่าระดับ โดยวิธีการระดับชัCนที> 3 7.4.5.1 ข้อกําหนดเฉพาะและมาตรฐานความถูกต้อง เครื>องมือและอุปกรณ์ • ใช้กล้องระดับอัตโนมัติ หรือกล้องTilting ซึ%งมีความไวของหลอดระดับ 60 ฟิ ลิปดา ต่อ 2 มม. หรือดีกวา ่ • ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร แบบธรรมดา หรือ • ใช้กล้องระดับดิจิตอล (Digital Level) ซึ%งมีกาลังขยายของกล้องส ํ ่อง ไม่ น้อยกวา 24 เท ่ ่า และความเบี%ยงเบนมาตรฐานของการทําระดับไป – กลับ 2.0 มม./กม. หรือดีกวา ่ • ใช้ไม้แบ่งส่วนเมตร ชนิดแถบรหัส (Bar Code) มีหลอดระดับฟองกลม ประกอบ และเหล็กรองรับไม้แบ่งส่วนเมตร (Ground Plates) การปฏิบัติงานสนาม • ความยาวของสายการระดับ ไม่เกิน 40 กม. • ทําระดับเที%ยวเดียว (Single Run) ถ้าหมุดหลักฐานที%ใช้ออกงานและเข้า บรรจบ อยูห่ ่างกนไม ั ่เกิน 20 กม. ถ้าเกิน 20 กม.ให้ทําระดับแบบไป – กลับ • ถ้าไม่มีหมุดหลักฐานเข้าบรรจบ ให้ทําระดับแบบไป – กลับ โดยเดินระดับ เที%ยว ทํากลับ ผานหมุดหลักฐานทุกหมุดของเที%ยวทําไป ่ • แบ่งสายการระดับออกเป็ นตอน ความยาวตอนละ 1 – 3 กม. • การอ่านค่าระดับให้อ่านทั2งสามสายใย คือ สายใยบน ( U) สายใยกลาง (M) และสายใยล่าง (L) โดยให้ ผลบวกของสายใยบนกบสายใยล ั ่าง เทียบกบ 2 ั เท่าของสายใยกลาง ต้องไม่เกิน 2 มม. • ระยะไกลสุดระหวางกล้องก ่ บไม้ระดับ ไม ั ่เกิน 100 ม. • หมุดออกงาน และหมุดบรรจบต้องไม่ใช่หมุดเดียวกน ั • ความคลาดเคลื%อนระหวางเที%ยวทําไปก ่ บเที%ยวทํากลับ และในการเข้าบรรจบ ั หมุดไม่เกิน 12 มม.√K (K= ระยะทางเป็ น กม.) 7.4.5.2 การกรุยแนวและสร้างหมุดหลักฐาน ค้นหาหมุดหลักฐาน การระดับชั2นที% 3 หรือชั2นสูงกวา เพื%อใช้ออกงานและเข้า ่ บรรจบ กรุยแนวสายการระดับ และกาหนดตําแหน ํ ่งที%จะสร้างหมุดหลักฐาน สร้างหมุดหลักฐานถาวร • แบบ ข. ทุกระยะ 4 – 5 กม. • แบบ ค. ทุกระยะ 2 กม. 7.4.5.3 การวัดระดับ เครื%องมือ วิธีการวัด และคํานวณปรับแกให้เป็ นไปตามเกณฑ์ก ้ าหนดของงาน ํ ระดับชั2นที% 3

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น